วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

แสงโสม 
แสงโสม เป็นสุราในประเทศไทย ประเภทรัม กลั่นจากอ้อย เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2520 โดยการปรุงของนายจุล กาญจนลักษณ์ จาก โรงงานสุราแสงโสม จังหวัดนครปฐม ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดบริษัท แสงโสม จำกัด แสงโสมเกิดจากกระบวนการหมัก กลั่น และเก็บบ่มแอลกอฮอล์ในถังไม้โอ๊คนาน 3 ปี, 5 ปี และ 10 ปี แล้วปรุงแต่งรสด้วยหัวเชื้อพิเศษที่ปรุงขึ้นจากส่วนผสมของเครื่องเทศ และสมุนไพรนับร้อยชนิด
แสงโสมขายได้กว่า 70 ล้านลิตรต่อปี ในประเทศไทย และครองตลาด 70% ของเหล้าประเภทนี้
แสงโสมได้รับรางวัลเหรียญทอง รางวัล Golden Award 3 ครั้ง โดยครั้งแรกในปี 2525 ปี 2526 และปี 2549 และชนะรางวัลการประกวด สุรา ณ เมืองดุซเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ในปี พ.ศ. 2526 แต่อย่างไรก็ตามการแข่งขันส่วนใหญ่ตัดสินจากความสวยงามของบรรจุภัณฑ์ จึงเป็นที่มาของชื่อ แสงโสมเหรียญทอง
   
เบียร์สดไฮเนเก้น
  ปี 1863 กำเนิดของเบียร์ไฮเนเก้น เริ่มขึ้นเมื่อ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1863 เมื่อนาย Gerard Adriaan Heineken ได้ซื้อโรงเบียร์ Hoolberg ใน Amsterdam เพื่อผลิตเบียร์คุณภาพที่ดีที่สุดพร้อมกับค้นคว้า และวิจัยยอดเยี่ยมมาจนถึงทุกวันนี้ปี 1883-1889 ดวงดาวการันตีเกียรติยศแห่งคุณภาพ เพราะคุณค่าที่ไม่เคยเปลี่ยนและรสชาติ ยอดเยี่ยมทำให้ไฮเนเก้นได้รับรางวัลมากมาย อาชิเช่น Diplome D’ Honneur Amsterdam ในปี ค.ศ. 1883 จากถิ่นกำเนิดของตนเองและรางวัลชนะเลิศ Grand Prix Paris ในปี ค.ศ. 1889 ที่ประเทศฝรั่งเศปี 1933 ไฮเนเก้นเป็นเบียร์แห่งแรกของโลกที่ส่งเบียร์ไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาหลังจากการยกเลิกห้ามในปี ค.ศ. 1933 เพียง 3 วัน นับจากวันนั้นไฮเนเก้นจึงเป็นเบียร์นำเข้าที่มียอดขายสูงสุด และเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของไฮเนเก้นในสหรัฐอเมริกาจนถึงวันนี้ปี 1963 ไฮเนเก้นร่วมทุนกับบริษัท Fraser&Neave ตั้งบริษัท Asia Pacific Breweries รับผิดชอบด้านการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคให้กับไฮเนเก้นHeineken PACO สุดยอดผลงาน Best Packaging Design ที่นอกจากจะทำให้ Ora-ito Morabito นักออกแบบผลิตภัณฑ์เชื้อสายญี่ปุ่นมีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว ไฮเนเก้นยังทำให้โลกได้ยอมรับถึง แนวความคิดของการดื่มด่ำอย่างมีสไตล์แบบไฮเนเก้นประเทศไทยเบียร์ได้เริ่มเป็นที่นิยมหลังจากเริ่มต้นศตวรรษใหม่ บริษัทเบียร์สดไฮเนเก้สแห่งแรกของประเทศก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2477 โดยผลิตเบียร์ขายเฉพาะภายในประเทศ ส่วนเบียร์นำเข้าหลายหลากชนิด ดังเช่นจากประเทศญี่ปุ่น ประเทศเดนมาร์ก และประเทศเยอรมนี จะมีวางขายในร้านขายเบียร์หรือ “Beer Halls” ในภัตตาคารและในโรงแรมซึ่งภายในระยะเวลาอีกไม่นานเบียร์ไฮเนเก้นก็เริ่มปรากฏสู่ตลาดประเทศไทยด้วยรสชาติที่กลมกล่อมไม่ซ้ำใคร ซึ่งไฮเนเก้นยังคงใช้ตำรับดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแม้กระทั้งกระบวนการหมักบ่มที่ยาวนานจึงทำให้เบียร์ไฮเนเก้นมีรสชาตินุ่ม สดชื่นจึงทำให้นักดื่มทั่วโลกมั่นใจในคุณภาพและรสชาติของเบียร์ไฮเนเก้น และกลายเป็นขวัญใจของนักดื่มเบียร์ชาวไทยในที่สุดสำหรับเบียร์ไฮเนเก้น เค้าแบ่งระดับเบียร์ไว้สามระดับ ได้แก่ 1. ระดับ Premium เป็นเบียร์ไฮนาเก้น ใช้เวลาหมักและบ่มยาวนานถึง 28 วัน  2. ระดับ Standard เป็นเบียร์ไทเกอร์ ใช้เวลาหมักและบ่มยาวนานถึง 18 วัน  3. ระดับEconomy เป็นเบียร์เชียร์ ใช้เวลาหมักและบ่มยาวนานถึง 11 วัน และการผลิตแต่ละครั้งจะต้องส่งตัวอย่างเบียร์ไปตรวจที่ประเทศฮอลแลนด์กันเลยทีเดียว โดยใช้เวลา 3 วัน เพื่อตรวจสอบ สี กลิ่น รสชาติ ให้ได้มาตรฐานจากไฮเนเก้นแท้ๆ ล่ะ และเมื่อได้รับผลแล้วสินค้าในล็อตนั้นก็ถูกจัดจำหน่ายไปยังผู้บริโภคอย่างเราๆ นี่ล่ะ เห็นไหมล่ะของเค้าดีจริงๆสำหรับส่วนประกอบในการทำเบียร์ไฮนาเก้นนั้นประกอบด้วย1. ข้าวมอลท์บาร์เล่ย์ 100%2. ดอกฮ็อปบริสุทธิ์3. เอ-ยีสต์สูตรเฉพาะ4. น้ำบาดาล (แหล่งน้ำที่ตั้งของโรงงานผลิตเบียร์)





 Leopard  คือที่มาของชื่อเบียร์ลีโอ มาจากสิ่งใกล้ตัวที่มองผ่าน
เรื่องคิดชื่อผลิตภัณฑ์   ได้มีการคิดมากมายหลายร้อยชื่อ  แต่ก็ยังไม่ถูกใจคุณสันติ ในห้องคุณสันติ มีภาพวาดรูปเสือดาว คือ Leopard   คุณสันติมองแล้วก็เสนอว่า ลองใช้ตัวในรูปมั้ย  ในที่สุดก็มีการตัดสินใจเลือกใช้  Leopard ซึ่งอ่านว่าเลพเพิรด แต่คำนี้มันออกเสียงยาก เลยหั่นชื่อให้สั้นลง เหลือ Leo. ฟังแล้วมีความสัมพันธ์กับสิงห์ จะแปลความหมายเป็นสิงโตก็ได้ เสือดาวก็ได้  โดยแรกเริ่มตรงฉลากเบียร์ จะเขียนว่า LEO. BEER  จะมีจุดอยู่ ให้รู้ว่าเป็นคำย่อของ Leopard 
 เบียร์ช้าง
 

ถือกำเนิดจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้บริหาร ที่ต้องการขยายตลาดเบียร์รสชาติคนไทยที่มีคุณภาพระดับสากล เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพการผลิต และฝีมือของคนไทย ด้วยรสชาติที่ถูกคอ และระดับราคาที่เหมาะสม ความสำเร็จของเบียร์ช้างเป็นทั้งการเปิดยุคใหม่ และพลิกโฉมหน้าวงการเบียร์ไทยครั้งสำคัญ และในปี พ.ศ. 2541 เบียร์ช้างได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการประกวดเบียร์นานาชาติที่ประเทศออสเตรเลีย ประเภทเบียร์ลาเกอร์ ไม่จำกัดดีกรี จึงเป็นที่รู้จักและเรียกขานกันว่าเป็น "เบียร์เหรียญทองระดับโลกของไทย"